กินให้เป็นยา (Modern Mom) โดย:
คุณนายปลายจวัก
ห่างจากยาที่เป็นสารเคมีได้
ก็ด้วยผักผลไม้ที่เราสามารถกินเป็นยานี่เอง
หน่อไม้ฝรั่ง (แอสพารากัส) ผักที่มีหน้าตาแปลกเฉพาะตัว ลักษณะเป็นหน่อสีเขียวหรือสีขาว
สีขาวนิยมรับประทานสด ๆ ส่วนสีเขียวนิยมนำไปประกอบอาหาร
สามารถเก็บกินได้ตลอดทั้งปี หาซื้อได้ง่าย กรอบอร่อย นำไปทำทำอาหารได้หลากหลาย
กินเป็นยา : ในหน่อไม้ฝรั่งมีโฟเลตอยู่มาก มีความจำเป็นต่อความสมบูรณ์ของทารกสำหรับคุณแม่ครรภ์ อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งที่ปอดได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบของกำมะถันเป็นยาขับปัสสาวะได้ดีตัวหนึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ป่วยที่เป็นโรคขัดเบา และยังใช้รักษาโรคหลายชนิด เช่น โรคเส้นประสาทอักเสบ โรครูมาติซึม และบรรเทาอาการปวดฟันได้ด้วย
กินเป็นยา : ในหน่อไม้ฝรั่งมีโฟเลตอยู่มาก มีความจำเป็นต่อความสมบูรณ์ของทารกสำหรับคุณแม่ครรภ์ อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งที่ปอดได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบของกำมะถันเป็นยาขับปัสสาวะได้ดีตัวหนึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ป่วยที่เป็นโรคขัดเบา และยังใช้รักษาโรคหลายชนิด เช่น โรคเส้นประสาทอักเสบ โรครูมาติซึม และบรรเทาอาการปวดฟันได้ด้วย

กินเป็นยา : มีวิตามินบีที่ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ปากนกกระจอก วิตามินซีช่วยป้องกันไข้หวัด โรคเลือดออกตามไรฟัน และโดยเฉพาะวิตามินอีซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่ช่วยในการปกป้องเซลล์ร่างกายจากมลพิษทาง อากาศ น้ำ และอาหาร สามารถป้องกันโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ และโรคหัวใจ และนอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งอีกด้วย

กินเป็นยา : บร็อกโคลี่มีสารเบต้า-แคโรทีน ที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกายและยังช่วยให้ผนังเส้นเลือดแข็งแรง มีสารซัลโฟราเฟน (sulforaphane) ซึ่งเป็นสารป้องกันโรคมะเร็ง และยังช่วยป้องกันโรคหัวใจ ความดันโลหิต และโรคอัลไซเมอร์ได้ดี

กินเป็นยา : มีสารพิเศษเอสเมธิลเมโธโอนินที่สามารถรักษาโรคกะเพาะอาหาร และมีสารกอยโตรเจนที่ช่วยให้ร่างกายทำไอโอดีนไปใช้ช่วยป้องกันโรคคอหอยพอก นอกจากนั้นยังมีสารต้านมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งลำไส้

กินเป็นยา : สารเพกตินที่มีอยู่ในเกรปฟรุต ซึ่งเป็นไฟเบอร์ประเภทหนึ่งสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดก่อนที่จะจับตัวเป็นก้อนไปขวางทางเดินในหลอดเลือด นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยป้องกันไม่ให้สารพิษหรือโลหะหนักทำอันตรายต่อร่างกาย และยังช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็งกระเพราะอาหารและมะเร็งตับอ่อน

กินเป็นยา : กีวีมีค่าดัชนี ไขมัน และแคลอรีในระดับต่ำ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาโรคเบาหวานเป็นอย่างยิ่ง ตลอดจนผู้ที่ต้องการคุมน้ำหนักหรือมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว วิตมินซีในกีวียังช่วยให้ร่างกายมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหาร ความอึดอัดในช่องท้อง ท้องผูก และเกิดความล่าช้าในการส่งถ่าย
กินเป็นยา : ในส้มมีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยป้องกันการอักเสบ และเลือดจับตัวเป็นก้อน มีคอลลาเจน ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายให้แผลหายเร็วขึ้น วิตามินซีและเบต้าแคโรทีน ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน และมีคุณสมบัติช่วยล้างพิษในร่างกาย ลดความเครียด ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

กินเป็นยา : ในพีชมีวิตามินเอและสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเบต้าคริบโตแซนทิน ป้องกันไม่ให้เซลล์ถูกทำลาย บำรุงหัวใจและกระเพาะอาหาร ยังมีเกลือแร่โรบอนที่เป็นตัวช่วยให้สมองของเรากระฉับกระเฉงและกระปรี้กระเปร่า มีพลังค่ะ

กินเป็นยา : ไลโคปีนเป็นสารสำคัญที่พบได้ในผลมะเขือเทศ เป็นสารประกอบในกลุ่มแคโรทีนอยด์ชนิดหนึ่ง ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่อวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับอ่อน มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งทวารหนัก มะเร็งคอหอย มะเร็งช่องปาก มะเร็งเต้านม เป็นต้น

กินเป็นยา : ในเปลือกแอปเปิ้ลมีสารฟลาโนอยด์สูงมาก ซึ่งมีหน้าที่ในการล้างพิษออกจากร่างกาย และยังช่วยป้องกันอนูมูลอิสระอีกด้วย ที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งลำไส้

กินเป็นยา : องุ่นมีสารอาหารที่สำคัญที่ดีคือน้ำตาลและสารอาหารจำพวกกรดอินทรีย์ เช่น น้ำตาลกลูโคส น้ำตาลซูโคส วิตามินซี เหล็กและแคลเซียม มีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง บำรุงหัวใจ แก้กระหาย ขับปัสสาวะ และช่วยฟื้นกำลังคนที่ร่างกายผอมแห้ง แก่ก่อนวัยและไม่มีเรี่ยวแรง

กินเป็นยา : หัวหอมใหญ่ช่วย ลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีในเลือด และช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ที่ช่วยลดการอุดตันไขมันในเส้นเลือด และทำหน้าที่ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน นอกจากนี้สารกำมะถันในหอมใหญ่ช่วยยับยั้งการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง และยังมีฤทธิ์ป้องกันโรคภูมิแพ้และหอบหืดอีกด้วย

กินเป็นยา : ถูกกล่าวขานว่าเป็น “ราชาแห่งถั่ว” เพราะมีโปรตีน เลซิทิน และกรดแอมิโน รวมทั้งมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ไนอะซิน วิตามินบี1 และบี2 วิตามินเอและอี ซึ่งสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูก ป้องกันการขาดแคลเซียมในกระดูก และบำรุงระบบประสาทในสมอง หากกินเป็นประจำช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน

กินเป็นยา : แอปริคอตเป็นยาบำรุง ที่ช่วยให้ฟื้นตัวจากอาการเจ็บป่วยได้เร็ว สารเบต้าแคโรทีนในแอปริคอตจะช่วยชะลอการเสื่อมถอยของเลนส์ตาจึงช่วยในการมองเห็นได้ดีขึ้น และสามารถป้องกันมะเร็งบางชนิดได้ โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก และวิตามินเอช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส ทั้งยังช่วยในการย่อยอาหาร ต้านโรคหวัด ภาวะโลหิตจาง หากรับประทานแอปริคอตได้ในปริมาณ 25 มิลลิกรัมต่อวัน จะช่วยรักษาปฏิกิริยาจากสารก่อภูมิแพ้รวมทั้งอาการอ่อนเพลียได้

กินเป็นยา : ผลมะละกอดิบมีวิตามินเอ และสารเบต้าเคโรทีน ช่วยบำรุงสายตาและช่วยต้านโรคมะเร็ง และมีวิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก วิตามินซี ช่วยป้องกันและรักษาโรคหวัด โรคมะเร็ง โรคลักปิดลักเปิด เลือดออกตามไรฟันและใต้ผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีเอนไซม์พาเพน ซึ่งสามารถนำมาเป็นยาช่วยย่อยสำหรับผู้ที่มีปัญหาอาหารไม่ย่อย นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นน้ำนมสำหรับคุณแม่ที่เพิ่งคลอดอีกด้วย

กินเป็นยา : ในลูกพรุนมีกากใยธรรมชาติ Dietary fiber จำนวนมากหลายชนิด ซึ่งเป็นทั้งชนิดที่ละลายน้ำได้ และละลายน้ำไม่ได้ กากใยอาหารเหล่านี้มีส่วนช่วยลดโคเลสเตอรอลและปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกจำนวนมาก นอกจากนี้น้ำลูกพรุนยังเป็นอาหารที่วิตามินซี วิตามินอี แหล่งที่ดีของธาตุเหล็ก ช่วยทำให้ร่างกายและสมองแก่ตัวช้าลง และมีอัตราการเกิดเป็นโรคมะเร็งน้อยลง มีส่วนช่วยในกระบวนการสังเคราะห์เม็ดเลือดแดง และทำให้ร่างกายต่อต้านแบคทีเรียได้ดียิ่งขึ้น

กินเป็นยา : ในฟักทองมีกากใยสูง อุดมด้วยวิตามินเอและและมีกรดโปรไพโอนิค กรดนี้ทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอลง ในเมล็ดฟักทองมีสารชื่อ คิวเคอร์บิติน (cucurbitine) ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าพยาธิตัวตืดได้ดี โดยเตรียมเมล็ดฟักทองประมาณ 60 กรัม ทุบให้แตกละเอียดนำมาผสมกับน้ำตาล นม และน้ำเติมลงไปจนได้ประมาณ 500 มิลลิลิตร แบ่งรับประทาน 3 ครั้ง ห่างกันทุก 2 ชั่วโมง

กินเป็นยา : แตงโมเป็นผลไม้ที่มีคุณสมบัติเย็น ช่วยให้อารมณ์ดี เพราะมีโพแทสเซียม ที่จะช่วยควบคุมอัตราความดันโลหิต ยังมีสารไลโคปีน ที่มีแอนตี้ออกซิเดนท์ ช่วยบำรุงหัวใจ รวมถึงป้องกันมะเร็ง นอกจากนี้จะช่วยลดอาการไข้ คอแห้ง บรรเทาแผลในปาก นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะคะ จริง ๆ แล้วผักผลไม้ที่อยู่รอบตัวเรามีประโยชน์หลายหลากทั้งนั้น ที่สำคัญคือต้องกินให้ถูกต้อง สม่ำเสมอ และต้องออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยนะคะ
มะมาเฮิร์บอุบล